ก้าวไปด้วยกัน ผ่านประวัติศาสตร์ท้องถิ่น 4 อำเภอ

 ก้าวไปด้วยกัน

ผ่านประวัติศาสตร์ท้องถิ่น 4 อำเภอ

(ฮอด ดอยเต่า อมก๋อย แม่แจ่ม)

สมเกียรติ มีธรรม

ภาพจากเว็บไซต์ thestandard

โดยส่วนตัวจะขยับการงานพื้นที่ไหนก็มักจะสนใจประวัติศาสตร์ของพื้นที่นั้น ผ่านเรื่องเล่า ตำนาน ปรัมปรา  หรือไม่ก็จากหลักฐานทางโบราณคดี เพื่อที่จะทำความเข้าใจบริบทพื้นที่นั่นๆ ผ่านประวัติศาสตร์ท้องถิ่นอย่างเข้าอกเข้าใจ (เข้าถึง และพัฒนา)

ฮอด ดอยเต่า อมก๋อย เมืองสามเส้าแห่งอดีต คือเมืองที่เป็นเส้นทางสายไหมในครั้งเก่าก่อน จากการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีที่กระจายอยู่ทั่วไปตามเนินเขาหลายหมู่บ้านในพื้นที่ตำบลแม่ตื่น ตำบลม่อนจอง และตำบลยางเปียงเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ทราบว่าอมก๋อยมีคนอาศัยอยู่กันมาหลายพันปี และเป็นถิ่นที่อยู่ของชนเผ่าลัวะมาก่อน แม้แต่ชื่ออมก๋อยก็มาจากภาษาลัวะ การค้นพบชุมชนโบราณลุ่มน้ำปิง บริเวณสบแจ่มลงไป รวมถึงวัตถุโบราณต่างๆแถบนี้ หรือบันทึกทางประวัติศาสตร์ ก็ต้องบอกว่าฮอดคือเส้นทางสายไหมเชื่อมเชียงใหม่-อยุธยา-เมาะตะมะแท้จริง


ภาพจากเว็บไซต์ ศิลปวัฒนธรรม

โดยมีอมก๋อยเป็นเหมือนจุดพักทางการค้าแห่งที่ 2 ในสมัยโบราณ เห็นได้จากหลักฐานสำคัญ มีมูลค่ามหาศาลที่ขุดค้นพบจากหลุมฝังศพโบราณ มีตั้งแต่เครื่องปั้นดินเผาจานชามของจีนสมัยราชวงศ์หยวน บางใบในปัจจุบันราคาหลักล้านบาท เครื่องถ้วยสังคโลกจากสุโขทัย เครื่องถ้วยจากแหล่งเตาล้านนา พม่า และเวียดนาม นอกจากนั้น ยังมีการขุดค้นพบเครื่องสำริดต่างๆอีกหลายรายการที่เมืองตื่นหรือบ้านแม่ตื่น ซึ่งเป็นชุมชนโบราณ มีซากวัดวาอารามต่างๆ กระจายอยู่ไปทั่ว นักโบราณคดีสันนิฐานว่า น่าจะมีความสัมพันธ์และเป็นศูนย์กลางของชุมชนที่เป็นเจ้าของสุสานเหล่านั้น นับย้อนหลังไปถึงพุทธศตวรรษที่ 22 หรืออาจย้อนไปถึงพุทธศตวรรษที่ 5 ด้วยซ้ำ










ภาพจากเว็บไซต์ พิพิธสถานแห่งชาติเชียงใหม่







ขณะที่เมือง “หอด” หรือเมืองฮอดในปัจจุบัน ก็มีชื่อหลักฐานปรากฏตามบันทึกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น “มังทรารบเมืองเชียงใหม่” “ตำนานนางจามเทวี” มีการค้นพบร่องรอยของการสร้างชุมชนโบราณตลอดลุ่มน้ำปิงที่มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ ตั้งแต่สบแจ่มลงไปจนถึงจุดสร้างเขื่อนภูมิพล ทั้งมีการค้นพบโบราณสถานกว่า 30 แห่ง มีอายุย้อนไปถึงพุทธศตวรรษที่ 14-19 สมัยแคว้นหริภูญไชยก่อนอาณาจักรล้านนาด้วยซ้ำ นอกจากนั้น ยังมีการขุดค้นพบโบราณวัตถุอีกหลายรายการ มีทั้งพระพุทธรูป เครื่องถ้วยจีน เครื่องทองและเงิน ไปจนถึงพระบฏ เครื่องราชกกุธภัณฑ์ จากวัดเจดีย์สูง วัดศรีโขง วัดดอกเงิน และวันสินหนอง ที่สำคัญฮอดในอดีต ยังเป็นเมืองท่าสำคัญในการค้าขายระหว่างอยุธยากับเชียงใหม่ โดยจะเลี่ยงเส้นทางออกไปจากดอยเต่าเสียมิได้

วัดดอยเกิ้ง ภาพจาก เว็บไซต์เชียงใหม่นิวส์

จากตำนาน “หิงหนวัต” ซึ่งเป็นตำนานที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1500 ปีแล้ว กับตำนาน“พระธาตุหลวงลำพูน” ปรากฏชื่อดอยเต่าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะตำนานฉบับหลัง ได้พูดถึงการเดินทางมาหริภูญไชยของพระนางจามเทวี ผ่านพื้นที่ดอยเต่า แวะสร้างพระเจดีย์ขึ้นที่ดอยเกิ้ง เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสาริกธาตุส่วนพระนลาฏ ซึ่งพระสุวรรณอรหันต์ พุทธสาวกในครั้งนั้นถวายเป็นพุทธบูชา โดยพระนางได้แต่งดาเครื่องไทยทานสวยงาม พร้อมบริวารจัดริ้วขบวนเดินผ่านทุ่งนาขึ้นมาทำบุญที่พระธาตุแห่งนี้ เป็นที่ตรึงตราตรึงใจของผู้คนในเวลานั้น จนเรียกขานกันว่าทุ่งผาสาด(ปราสาท) หรือบ้านทุ่งปราสาทในปัจจุบันนั้นเอง

อีกตำนานหนึ่งของดอยเต่า คือตำนาน“บ้านตาลดอยเต่า”ได้เล่าที่มาของคนดอยเต่าไว้ว่า คนดอยเต่าหนีศึกสงครามพม่ามาจากเชียงตุง โดยมาตั้งถิ่นฐานที่บ้านตาล แต่ถูกเจ้าเมืองอังวะนำกองทัพมาไล่จับจนบ้านแตกสาแหรกขาด บางส่วนหลบหนีมาอยู่ที่บ่อเหล็ก หรือบ่อหลวง อ.ฮอดในปัจจุบัน บางส่วนก็ยังหลบไปหลบมาอยู่ในพื้นที่ เมื่อเจ้าเมืองอังวะจับตัวผู้นำท่านหนึ่งได้ที่บ้านตาล แล้วพาตัวไปอยู่เมืองอังวะ ผู้นำบางส่วนก็พากันกลับมาอยู่ที่เดิม บางส่วนก็กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ เช่น บ้านเกาะหลวง ต.โปงทุ่ง และบ้านสันป่าดำ ต.ดอยเต่าในปัจจุบัน ฮอดกับดอยเต่าจึงเหมือนเป็นบ้านพี่เมืองน้องกันในแง่ของประวัติศาสตร์สังคมและชุมชนลุ่มน้ำปิง

เรื่องราวของอมก๋อย ฮอด-ดอยเต่า สัมพันธ์กันด้วยเส้นทางสายไหม จากเชียงใหม่ลงไปอยุธยาและแยกมาตะวันตกจนถึงเมาะตะมะ โดยมีฮอดเป็นเมืองท่าสำคัญบนเส้นทางสายไหมแห่งนี้ ในคราที่เชียงใหม่พ่ายศึกแก่พม่า ก็พาเชลยศึกเดินผ่านมายังเส้นทางนี้อีกเช่นกัน แต่ทว่าแม่แจ่มแม้อยู่ระหว่างสองดินแดนในประวัติศาสตร์ เสมือนกับเป็นเมืองลับแลที่ถูกปิดกันด้วยเทือกเขาอินทนนท์ ผู้คนเดินทางผ่านเหมือนกับหลงทางเข้ามา ดังพระอานนท์ที่เดินทางจากเมืองเมาะตะมะไปศึกษาพระธรรมที่เชียงใหม่ ราวปีพ.ศ.1912 ขากลับมามรณภาพที่วัดช่างเคิ่งในปัจจุบัน

กิจกูฎวัดยางหลวง 

ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดป่าแดด

นี้เป็นหลักฐานหนึ่งซึ่งปรากฏในตำนานมูลศาสนา“ชินกาลมาลีปกรณ์”ของแม่แจ่ม แต่ถ้าพูดถึงภูมิประวัติสังคม ต้องบอกว่าพื้นเพเดิมมีชนเผ่าลัวะอาศัยอยู่มาก่อนเช่นเดียวกันกับฮอด ดังปรากฏโบราณสถานมากมายเรียงรายร่วม 300 กว่าแห่งตลอดลุ่มน้ำแจ่ม กิจกูฎวัดยางหลวง ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดป่าแดดและวัดพุทธเอ้น แสดงถึงยุครุ่งเรืองของศิลปะวัฒนธรรมในพุทธศตวรรษ 19 ได้เป็นอย่างดี “ลัวะหิงไฟไตหิงเต๋า”ที่คนแม่แจ่มสมัยก่อนพูดกัน ก็บ่งบอกถึงตำนานเจ้าถิ่นดังเดิมได้อีกเช่นกัน ตราบจนเมื่อเจ้าเมืองเชียงใหม่ส่งพระยาเขื่อนแก้วจากเชียงรายมากินหัวเมือง ยุคเก็บผักใส่ส้าเก็บข้าใส่เมืองก็เริ่มขึ้น ต่อมาเมื่อเมืองเชียงใหม่ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของกรุงเทพด้วยกลอุบายอันแยบยลในรัชกาลที่ 5 การปกครองก็เปลี่ยนไป ชาวบ้านที่ไม่เคยถูกเก็บภาษีก็ต้องจ่ายภาษี บ้างก็หลบหนีบ้างก็ต่อต้าน จนเกิดเหตุการณ์ฆ่านายอำเภอที่ว่าการอำเภอเก่าบ้านอะฮาม หรือบ้านยางหลวงปัจจุบัน

เมื่อพูดถึงประวัติศาตร์ท้องถิ่นแม่แจ่ม ก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องพูดถึงการเสด็จมาห้ามศึกของพระพุทธองค์ ผ่านเรื่องเล่าปรัมปรา ณ บ้านช่างเคิ่ง จนสิงห์สองพี่น้องที่ทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่หันมาดีต่อกัน โดยให้สิงห์ผู้พี่ปกครองเขตแดนด้านเหนือ ผู้น้องปกครองเขตแดนด้านใต้ พร้อมกับมอบพระเกศา 8 เส้นไว้ให้บูชา อันเป็นที่มาของการสร้างเจดีย์ทั้ง 4 มุมเมืองที่คนแม่แจ่มเคารพกัน

นอกจากนั้น ตำนานสายผีก็ชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างคนพื้นเมืองแจ่มผ่านตำนาน“สุวรรณคำแดง” และ“ตำนานเชียงแสน” ม่วงก๋อน กอนเมือง ดอนแต่น ที่ชาวไทยวนแม่แจ่มอัญเชิญมาจากอ่างสลุงหรือดอยหลวงเชียงดาว ให้มาสถิต ณ ดงหอบ้านใต้ เพื่อให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยวนแม่แจ่ม และลวดลายซิ้นตีนจกแบบเชียงแสน ที่ชาวแม่แจ่มรักและหวงแหนในเวลานี้ ล้วนแต่ชี้ให้เห็นประวัติศาสตร์สังคมของคนไทยวนแม่แจ่มกับชาวไทยวนลุ่มน้ำปิงตอนบนได้เป็นอย่างดี

เรื่องราวเหล่านี้ หลายต่อหลายเรื่องถูกบันทึกในตำรา แต่ทว่ากลับไม่เคยอยู่ในตำราเรียน ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานทางโบราณคดีที่ขุดค้นพบ บันทึกต่างๆตามตำนานท้องถิ่น และยิ่งเรื่องเล่าปรัมปราด้วยแล้ว ประวัติศาสตร์สังคมในระบบการศึกษาไม่ให้ความสำคัญเลยก็ว่าได้

นี้อาจเป็นอีกแง่มุมหนึ่งซี่งจะหลอมความเป็นท้องถิ่นเข้าหากัน ในปริมณฑลภูมินิเวศนั้นๆ ที่เราต่างก็มีประวัติศาสตร์อันควรภาคภูมิใจร่วมกัน ไม่เว้นแม้แต่ชาติพันธุ์ใดๆ เพราะเราต้องก้าวไกลไปด้วยกันสู่สังคมใหม่ที่ดีกว่าเดิม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สมเกียรติ มีธรรม ฯ ป่าไม้ ที่ดินทำกินและเศรษฐกิจชุมชน ความยั่งยืนของการจัดการไฟป่า

แม่แจ่ม จุดเปลี่ยนแห่งทศวรรษ

ข้อเสนอสีเขียว : แม่วากโมเดล รูปธรรมบูรณาการจัดการดินน้ำป่า สู่การแก้ปัญหาเชิงนโยบาย ภายใต้แม่แจ่มโมเดลและแม่แจ่มโมเดลพลัส