ตอบโจทย์...หมอกควันไฟป่ามาจากการเผาไร่ข้าวโพดจริงหรือ แต่ถ้าไม่ใช่ชาวบ้านมีวิธีการเตรียมพื้นที่ปลูกอย่างไร...?

ตอบโจทย์...หมอกควันไฟป่ามาจากการเผาไร่ข้าวโพดจริงหรือ...?
แต่ถ้าไม่ใช่ชาวบ้านมีวิธีการเตรียมพื้นที่ปลูกอย่างไร...?

สมเกียรติ มีธรรม

ช่วงที่เกิดหมอกควันไฟป่าปกคลุมภาคเหนือตอนบน ทั้งนักวิชาการและคนเมืองต่างเพ่งเล่งมาที่ชาวบ้าน เป็นต้นเหตุที่เผาไร่เตรียมพื้นที่ปลูกข้าวโพดในรอบใหม่ แม้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมจุดความร้อนและพื้นที่เผาไหม้ชี้ชัดว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวนและป่าอนุรักษ์เป็นส่วนใหญ่ ด้วยข้อมูลที่ผิดๆจากการศึกษาวิจัย ทำให้การแก้ไขปัญหาผิดไปด้วย 

อันที่จริงการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าต้องช่วยกันครับ ช่วยกันตั้งนำข้อมูลที่ถูกต้องเผยแพร่ ช่วยกันหาสาเหตุ และช่วยกันแก้ไข ประการหลังนี้เราไม่ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐเพียงฝ่ายเดียว เพราะไม่มีทางที่รัฐจะทำได้ หากชาวบ้านและสังคมไม่ช่วยกัน ซึ่งนั้นไม่ได้หมายความว่าจะให้คนในเมืองลงมาดับไฟป่าหรอก และก็เป็นไปไม่ได้ด้วย การช่วยสนับสนุนชาวบ้านและหน่วยงานรัฐในรูปแบบกองทุนตอบแทนคุณนิเวศก็เป็นอีกทางหนึ่งซึ่งคนในเมืองทำได้ เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ หรือสนับสนุนตรงไปยังชุมชนก็ได้

อย่างปี 2559-60 แม่แจ่มจัดตั้งกองทุนแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าระดับอำเภอ มอบเงินให้กับชุดปฏิบัติการดับไฟป่าแต่ละหมู่บ้าน หมู่บ้าน 3,000 บาท เพื่อนำไปใช้จ่ายเป็นค่าอาหารเครื่องดื่มในการลาดตระเวร ค่าน้ำมันขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่พอมีปัญหาเกิดขึ้น จิตอาสาดับไฟป่าได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตขณะดับไฟป่า ก็ไม่มีกองทุนเข้ามาช่วยเยี่ยวยาและดูจิตอาสาที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต กรณีเช่นนี้ ไม่ว่าใครจะอยู่ที่ไหนเราช่วยกันได้ครับ บริษัทห้างร้านต่างๆ เราก็ช่วยกันได้ โดยเฉพาะในนาทีนี้ การสร้างความมั่นใจให้กับชุดปฏิบัติการดับไฟป่าหมู่่บ้าน ได้มีหลักประกันในการปฏิบัติหน้าที่เป็นสิ่งสำคัญ หากชี้กันไปมาปัญหาก็ไม่ได้รับการแก้ไข เราต้องช่วยกันครับ

มี 2 คำถามที่ผมนำข้อมูลมาทำความเข้าใจให้รับรู้กันครับ 1. สาเหตุหมอกควันไฟมาจากการเผาไร่ข้าวโพดจริงหรือ 2. เมื่อเผาไร่ข้าวโพดน้อยกว่าในป่า ชาวบ้านมีวิธีการเตรียมพื้นที่อย่างไร คำตอบก็คือ..

ประการที่ 1 ไถกลบหรือไถพรวน

ไถกลบแบบไม่มีขั้นบันได
ไถกลบแบบขั้นบันได้

การไถกลบหรือไถพรวนแบบไม่มีขั้นบันไดและแบบมีขั้นบันได แน่นอนในพื้นที่ที่มีความลาดชันสูงทำไม่ได้อยู่แล้ว ที่ทำได้ก็เฉพาะพื้นที่ราบและพื้นที่ที่มีความลาดชันไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น  แล้วแต่ตกลงกัน ถ้าไถพรวนว่าจ้างกันราคาอยู่ที่ 600-800 บาทต่อไร่ แล้วแต่ความยากง่ายของพื้นที่ ถ้าเหมาเป็นวันอยู่ที่ 4,000-5,000 บาท ขึ้นอยู่กับยากง่ายของพื้นที่เช่นกัน แล้วที่เหลือซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง ซึ่งมีมากเสียด้วยทำอย่างไร

ประการที่ 2. ปล่อยวัวกินหญ้า ใบและต้นข้าวโพดในไร่
ปล่อยวัวกินหญ้า ใบและต้นข้าวโพดในไร่ 

สภาพไร่ข้าวโพดที่วัวเหยียบย้ำ
วิธีการปล่อยวัวกินหญ้า ใบและต้นข้าวโพดในไร่ เป็นวิธีการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกที่ต้นทุนต่ำมาก และได้ประโยชน์สูงสุด นอกจากวัวเหยียบย้ำต้นข้าวโพดให้ราบแบนกับพื้น ทั้งในพื้นที่ที่มีความลาดชันสูงและต่ำได้แล้ว หญ้าที่ขึ้นก็จะถูกแทะเล็มไม่เหลือ ที่สำคัญวัวที่ถ่ายลงบนพื้นช่วยเติมปุ่๋ยอินทรีย์ให้กับดินอีกด้วย ในอำเภอแม่แจ่มมีสัตว์กินหญ้า 24,000 ตัว แบ่งเป็นวัวราวๆ 20,000 ตัว และควาย 4.000 ตัว กระจายอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ บางหมู่บ้านมีวัวนับพันตัว ชาวบ้านก็จะปล่อยวัวควายแทะหญ้าอยู่ในไร่ข้าวโพด บางรายถึงกับรอบรัวไว้เลยก็มี เพื่อที่จะไม่ให้วัวควายคนอื่นเข้ามาแย่งอาหารวัวของตัวเอง พอฝนลงก็ปลูกได้ทันที แต่พื้นที่อื่นล่ะทำไง

ประการที่ 3 ใช้วิธีเก็บกวาดเศษไม้ใบหญ้าข้าวโพดเก็บกองเป็นจุด


วิธีการนี้เริ่มมีมากขึ้น โดยเจ้าของไร่จะทิ้งหญ้าและต้นข้าวโพดให้แห้งกรอบและยุบตัว จากนั้นก็จะใช้คราดมือเสือเหล็ก หรือจอบ สางหญ้าและต้นข้าวโพดที่ยุบตัวมารวมกันไว้เป็นกองๆ กระจายในไร่ ปล่อยให้ย่อยสะลายเป็นปุ๋ย หรือเผาทีละกองหลังช่วง 60 วันห้ามเผา การจัดการโดยวิธีนี้แม้บางปีมีฝนมาเร็ว ก็จะไม่ได้รับผลกระทบเท่าไหร่ ถ้าจะเผา หลังฝนไม่กี่วันก็จัดการได้ทันที แทบจะไม่มีผลกระทบอะไร

ประการที่ 4 ปรับเปลี่ยนมาปลูกพืบระยะสั้นอื่นในฤดูฝนที่ให้รายได้มากกว่าข้าวโพด

ฟักทอง หรือหอมแดง
 

ปัญหาราคาข้าวโพดไม่แน่นอน ทำให้เกษตรกรจำนวนมากขึ้นเริ่มเปลี่ยนมาปลูกพืชระยะสั้นอื่นแทน เช่น ฟักทองและหอมแดงในช่วงฤดุฝน ซึ่งสร้างรายได้มากกว่าปลูกข้าวโพด การเตรียมพื้นที่ปลูกพืชเหล่านี้แทบจะไม่มีการเผา ใช้วิธีขึ้นแปลงปลูก หรือถางหญ้าและต้นข้าวโพดก็ปลูกได้เลย การปรับเปลี่ยนตรงนี้ทำให้พื้นที่ปลูกข้าวโพดลดลงจาก 120,000 ไร่ เป็น 100,000 ไร่ ในปี 59 และ 60 มาในปี 61 ลดลงเหลือ 90,000 กว่าไร่

ประการที่ 5 เผาอย่างมีอารยะ



ทำแนวกันไฟ
ต้องยอมรับว่าการเผาไร่เป็นการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกต้นทุนต่ำสุด และสามารถทำได้ในพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง แต่ปัจจุบันมีการบริหารจัดการที่ดีขึ้น จนพื้นที่เผาไหม้และจุดความร้อนในพื้นที่เกษตรในเขตป่าสงวนลดลงไปมาก ดูได้จากตารางต่อไปนี้


ถึงกระนั้น ก็ยังถูกเพ่งเล่งจากสังคมทุกครั้งเมื่อฤดูกาลไฟป่ามาถึง การบริหารจัดการไฟพื้นที่เกษตรในเขตป่าสงวน มีการบริหารจัดการแบบนี้คับ
  • 1. เริ่มตั้งแต่การปล่อยให้หญ้า ใบ และต้นข้าวโพดแห้งกรอบ ยุบตัวลงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
  • 2. ตัดหญ้าและต้นข้าวโพดที่ค้างโด่ในไร่ให้ราบกับพื้นก่อน โดยวิธีนี้จะทำให้การเผาไหม้ดีและเร็ว ใช้เวลาไม่นานจะช่วยลดปัญหาหมอกควัน
  • 3. ทำแนวกันไฟไว้โดยรอบพื้นที่ไร่ที่จะทำการเผา
  • 4. กำหนดเวลาและโซนนิ่งการเผา ดังตารางที่ยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างข้างล่างนี้คับ
  • 5. ขณะเผาต้องมีคนเ่ฝ้าอย่างน้อย 3-5 คน จนแล้วเสร็จจึงจะกลับได้

แผนการเผาหลัง 60 วันห้ามเผา
ประการที่ 6 เปลี่ยนหรือแบ่งพื้นที่มาปลูกพืชระยะกลางและยาว


การเปลี่ยนหรือแบ่งพื้นที่มาปลูกพืชระยะกลางและยาว เริ่มขยับขับเคลื่อนจริงจังเมื่อปี 2560 ภายใต้แม่แจ่มโมเดลและแม่แจ่มโมเดลพลัส และโครงการสร้างป่าสร้างรายได้ของกรมป่าไม้ เข้ามาส่งเสริมปลูกไผ่กาแฟเป็นไม้เบิกนำ และไม้สามอย่างประโยชน์สี่อย่าง ทำให้ไม่มีการเผาในพื้นที่ร่วม 2,000 ไร่ หากมีการสนับสนุนอย่างจริงจังโดยใช้ตลาดนำตามแนวทางแม่แจ่มโมเดล การใช้ไฟเตรียมพื้นที่เพาะปลูกก็จะลดลงเรื่อยๆ เฉพาะไผ่เราต้องการปลูกอยู่ที่ 20,000 ไร่ ไม่อยากเห็นไฟป่าและเจอปัญหาหมอกควันยั่งยืนต้องร่วมกันคนละไม้ละมือ แค่ 1 บาทก็เปลี่ยนได้..





ความคิดเห็น

  1. มีประโยชน์มากค่ะ ข้อมูล และคำแนะนำที่นำไปใช้ได้ คิดว่าหลายๆคนน่าจะหยุด การกล่าวโทษแบบเหมารวมว่าไฟป่ามาจากชาวบ้านเผาไร่ ได้แล้วนะคะ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สมเกียรติ มีธรรม ฯ ป่าไม้ ที่ดินทำกินและเศรษฐกิจชุมชน ความยั่งยืนของการจัดการไฟป่า

แม่แจ่ม จุดเปลี่ยนแห่งทศวรรษ

ข้อเสนอสีเขียว : แม่วากโมเดล รูปธรรมบูรณาการจัดการดินน้ำป่า สู่การแก้ปัญหาเชิงนโยบาย ภายใต้แม่แจ่มโมเดลและแม่แจ่มโมเดลพลัส