การเมืองเรื่องหมอกควันไฟป่า
การเมืองเรื่องหมอกควันไฟป่า
๑. ผมเคยให้สัมภาษณ์สื่อและนักวิจัยหลายคนว่า
สาเหตุหนึ่งของการเผาป่า(ซึ่งผมไม่ได้เขียนไว้ในบทความ)ก็คือ ปัญหาเรื่องการเมืองในท้องถิ่นหรือในหมู่บ้าน อันเนื่องมาจากญาติพี่น้องของตน
หรือคนที่ตนรักชอบไม่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านหรือผู้นำชุมชนก็ไม่พอใจ และไม่ให้ความร่วมมือใดๆทั้งสิ้น
มิหนำซ้ำทั้งยังคอยเป็นหอกข้างแคร่คอยทิ้มแทงผู้นำตลอดเวลา ว่ามีศักยภาพในการแก้ไขปัญหามากน้อยแค่ไหน
หลายหมู่บ้านเป็นแบบนี้ครับ การเลือกผู้นำหรือผู้ใหญ่บ้านทำให้เกิดการแบ่งขั้วชัดเจน
บางหมู่บ้านเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดจนหมดวาระ บางหมู่บ้านก็คอยสกัด
ขัดแข้งขัดขาอยู่เรื่อยไป พอถึงฤดูหมอกควันไปป่าก็จะวัดศักยภาพผู้นำว่า
สามารถระดมชาวบ้านไปร่วมดับไฟได้มากน้อยแค่ไหน ไฟป่าที่เกิดจากปัญหาการเมืองภายในหมู่บ้านหรือท้องถิ่นแบบนี้แหละครับ
คนเป็นผู้นำก็เหนื่อยที่ต้องวิ่งดับไฟไปทั่วเขตปกครองหหมู่บ้าน
และยังส่งผลกระทบออกไปในวงกว้างอีกด้วย
สมเกียรติ มีธรรม
กรณีหมอกควันไฟป่าที่เกิดขึ้นรุนแรงเกือบสัปดาห์ที่ผ่านมา
ก็อาจถูกพัฒนาไปสู่การเมืองระดับชาติก็เป็นได้ เพื่อดิสเครดิตคู่ตรงข้าม
ให้สังคมเห็นว่าขณะมีอำนาจยังไม่สามารถแก้ไขได้ จะให้เข้ามานั่งเป็นผู้นำประเทศต่อไปอีกระนั่นหรือ
สถานการณ์ที่ผ่านมาและที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ผมว่าได้ผลครับ เห็นได้จากกลุ่มต่างๆ
ที่เรียกร้องผ่านสื่อออนไลน์และที่เป็นข่าวผ่านโทรทัศน์ ส่วนใหญ่การเรียกร้องพุ่งเป้าไปที่ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกรัฐมนตรี
ให้ออกมาแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ยิ่งผู้ว่าฯในฐานะพ่อเมืองและนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำประเทศ
ไม่คอยแอ๊คอาร์ตเท่าไหร่ ก็ยิ่งถูกทำลายในฐานะคู่ชิงทางการเมืองมากขึ้นเท่านั้น
๒. เลี้ยงไข้ให้เพิ่มงบดับไฟป่า อันนี้คล้ายๆกับสถานการณ์ภาคใต้หรือไม่ก็ไม่ทราบครับ
แน่นอน...โดยทั่วไปที่ใดมีปัญหา ที่ใดถูกเพ็งเล็งมากจากสังคมและนานาชาติต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
สิ่งซึ่งตามมาก็คืองบประมาณในการแก้ไขปัญหา อันนี้เป็นปกติของบ้านเราครับ เป็นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ยิ่งเป็นเรื่องความมั่นคงด้วยแล้วนี้ งบประมาณเทกันลงไปมหาศาลแต่ก็แก้ไขปัญหากันไม่เสร็จสักที
หมอกควันไฟป่าภาคเหนือก็คงจะเข้าข่ายนี้แหละครับ แต่คนที่รับกรรมไปอีกนานก็คือเราๆท่านๆนี้แหละ
๓. ตีหรือชี้นำสาเหตุผิดๆหวังปลิดงบจากแหล่งทุน
ข้อนี้มีความซับซ้อนกว่าข้อ ๒ ครับ เพราะต้องรวมข้อที่ ๑ และ ๒ เข้าด้วยกัน
จึงเกิดพลังที่จะส่งทอดข้อมูลไปถึงแหล่งทุนให้เชื่อตามได้ การดราม่าที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆผ่านสื่อต่างๆด้วยความบริสุทธิ์ใจของคนในสังคม
จึงไม่แคล้วที่จะไปเข้าทางกลุ่มคนที่จ้องใช้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเดินเรื่องต่อไปยังอนาคตกับแหล่งทุนต่างๆ
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขปัญหา เรื่องนี้ที่แม่แจ่มมีกรณีศึกษาเยอะแยะครับ
อย่าปล่อยให้หมอกควันไฟป่ามาเป็นเรื่องการเมืองอีกเลย..เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมีชีวิตผู้คนและสิงสาราสัตว์เป็นเดิมพัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น