เห็ดนรกในอุ้มมือเทพพระเจ้ากาลี

เห็ดนรกในอุ้มมือเทพพระเจ้ากาลี



สำหรับผมแล้วเป็นเรื่องตลกเศร้าที่ภาคเอกชนเชียงใหม่(บางส่วน)ออกมาประกาศไม่ซื้อเห็นเผาะ หรือเห็นถอบ อันเป็นผลิตผลจากการเผาป่า มีการเชิญชวนโรงแรมและร้านอาหารงดการซื้อขาย และนำมาจำหน่ายในตลาด

การประกาศดังกล่าว ไม่ได้สะท้อนให้เห็นวิธีการแก้ไขปัญหาของเอกชนเชียงใหม่ ที่จะสร้างความร่วมมือแก้ไขไฟป่าในทางที่สร้างสรรค์ แต่ทว่ากลับโยนบาปให้ชาวบ้านโดยปราศจากความรู้ความเข้าใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้


ถามว่าการบอยคอต ไม่ซื้อเห็นถอบที่เกิดขึ้นหลังการเผาป่ามีผลต่อชาวบ้านมั๊ย...? ตอบได้ว่า "ไม่มีหรอกครับ" ในตลาดสด ตลาดริมทาง ข้างทาง เร่ขายในหมู่บ้าน ก็แทบจะไม่พอขายกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะในช่วยหัวปีที่เห็ดถอบเริ่มออกใหม่ๆ กิโลละ 300 บาท แทบจะไม่ค้างตลาดอยู่แล้ว



ถ้าย้อนถามกลับไป การที่ห้างร้านเหล่านี้บอยคอย ไม่ซื้อขายเห็นถอบที่เกิดขึ้นหลังการเผา นั่นก็แสดงว่าที่ผ่านมาเห็ดถอบที่ขายอยู่ในห้างร้านก็ล้วนเป็นเห็นถอบที่ขึ้นหลังการเผาป่า ซึ่งนั้นก็หมายความว่า ที่ผ่านมาห้างร้านเหล่านี้ก็สนับสนุนการเผาป่าด้วยเช่นกัน หรือจะอ้างว่ามาจากการเพาะคงฟังไม่ขึ้น เพราะเห็ดถอบที่เกิดจากการเพาะมีน้อยมาก ไม่พอต่อความต้องการของตลาดด้วยซ้ำ อย่างเก่งก็แค่พอบริโภคในครัวเรือนหรือในชุมชนเล็กน้อยเท่านั้น
ผมอยากให้กลับมามองชาวบ้านอย่างเข้าใจและเห็นใจกันมากกว่าครับ ไฟป่าที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในปีนี้ เกิดจากหมอกควันข้ามแดน การกลั่นแกล้ง ภาวะโลกร้อน ความขัดแย้งในพื้นที่มากกว่าการเผาเตรียมหาของป่าครับ และคนที่วิ่งดับไฟป่าในเวลานี้ก็คือชาวบ้านอีกเช่นกัน ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐกับผู้ใหญ่บ้านเพียงฝ่ายเดียว ถ้าปราศจากความร่วมมือกับชาวบ้าน เจ้าหน้าที่รัฐผู้ใหญ่บ้านไม่มีทางวิ่งดับไฟป่าได้

การเผาเตรียมหาของป่ามีมั๊ย ตอบแบบไม่เข้าข้างชาวบ้านว่า มี แต่ไม่ได้เลอะเทอะอย่างในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ในการลดปริมาณเชื้อเพลิงแต่ละครั้ง มีการควบคุมพื้นที่ มีการทำแนวกันไฟ มีชาวบ้านช่วยกันเฝ้าระวังไม่ให้ไฟลุกลามออกไปจากแนวเขตควบคุม ส่วนการจุดไฟล่าสัตว์ มีอยู่บ้างเล็กน้อยมาก หมู่บ้านหนึ่งๆ จะมีคนที่ดื้อไม่ฟังใครเพียงไม่กี่คน แต่ชุมชนก็ช่วยกันวิ่งไล่ดับไฟอยู่ดี แทบไม่มีชุมชนหมู่บ้านไหนนิ่งเฉย ปล่อยให้ไฟลุกลามเป็นบริเวณกว้างและยาวนาน


การที่ชาวบ้านยกระดับจากคนเผาป่า เผาไร่ มาให้ความร่วมมือไม่เผา และยกระดับขึ้นไปเป็นจิตอาสาวิ่งดับไฟป่านั้น เป็นพัฒนาการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 10 ปี โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม นับแต่ปี 2559 เป็นต้นมา พื้นที่เผาไหม้ จุดความร้อน ลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างในปีนี้บางวันไม่มีจุดความร้อนเลยด้วยซ้ำ ในตรงกันข้ามอำเภอและจังหวัดอื่นโดยรอบ จุดความร้อนกลับหนาแน่น เมื่อส่องไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เกิดไฟในป่าอย่างไม่บันยะบันยะเลยก็ว่าได้

พัฒนาของชาวบ้านที่กล่าวมาข้างตน เราควรชื่นชม ดีใจ และให้การสนับสนุนภาระกิจดับไฟป่าของชุมชน ไม่ใช่บ่น บอยคอย เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว

การให้สำคัญกว่าการรับ ถ้าหากชนชั้นกลางในเมืองจะรวมตัวกันสนับสนุนชาวบ้านดับไฟป่าในรูปแบบกองทุนดับไฟป่า กองทุนเยี่ยวยาจิตอาสาดับไฟป่า อาหารเครื่องดื่ม และสร้างหลักประกันชีวิตให้จิตอาสาเกิดความมั่นใจในการผจญไฟได้ก็จะเป็นประโยชน์มากกว่าหลับหูหลับตาบอยคอต ซึ่งตอบได้ว่าไม่กระทบใดๆกับรายได้จากการขายเห็ดถอบในชุมชนแม้แต่น้อย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สมเกียรติ มีธรรม ฯ ป่าไม้ ที่ดินทำกินและเศรษฐกิจชุมชน ความยั่งยืนของการจัดการไฟป่า

แม่แจ่ม จุดเปลี่ยนแห่งทศวรรษ

ข้อเสนอสีเขียว : แม่วากโมเดล รูปธรรมบูรณาการจัดการดินน้ำป่า สู่การแก้ปัญหาเชิงนโยบาย ภายใต้แม่แจ่มโมเดลและแม่แจ่มโมเดลพลัส